Web 3.0 คืออะไร มีโอกาสทางธุรกิจอย่างไรบ้าง

ต้องยอมรับว่า Technology ในปัจจุบัน เติบโตอย่างก้าวกระโดด (Exponential) และทุกๆครั้งที่มี Technology ใหม่ๆที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ระดับเปลี่ยน Protocal หรือเปลี่ยนรูปแบบการเชื่อมต่อระหว่างคนและระบบหรือ Human Interface ก็ย่อมต้องทำให้ผู้บริโภค เปลี่ยนพฤติกรรม และนำไปสู่การเกิดของ Business Model ใหม่ๆ หรือการเสื่อมถอยของ Business Model แบบเดิม

Web 3.0 เริ่มได้รับการพูดถึงมากขึ้น ด้วยแนวคิดที่ใหม่ล้ำสมัย ผู้ใช้งาน และผู้สร้างสรรค์คอนเทนท์ สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระ ข้อมูลต่างๆถูกจัดเก็บแบบกระจายศูนย์ และแม้แต่บริษัท Technology ใหญ่ๆหลายๆที่ไม่ว่าจะเป็น FAAMG หรือ Facebook, Apple, Amazon, Microsoft, Google ก็เริ่มขยับตัวในการสร้าง Ecosystem ใหม่ๆเช่น Metaverse จาก Facebook เองก็ถือว่าเป็นการใช้ Web 3.0 เช่นกัน

ก่อนอื่นขอเล่าย้อนหลังให้ฟังว่า Web ในแต่ละ X.0 ในมุมมองของผมมีวิวัฒนาการ จุดเด่น โอกาส อย่างไรกันบ้าง

Web 1.0

ยุคข่าวสาร ช่วง พ.ศ. 2530 – พ.ศ. 2550
Sample Web 1.0 : Hunsa, Siam2you, Taklong, Racingweb,net

  • Consumer Behavior : เข้ามาใน Internet เพื่อหาข้อมูล ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ลงประกาศซื้อ/ขายของ
  • Interface : คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และ Notebook 
  • Community : กระดานข่าว หรือเว็บบอร์ดต่างๆ
  • Network Effect : ซื้อขายของ / รวมคนที่มี Interest เรื่องเดียวกัน
  • Creator Monetization : ส่วนใหญ่เป็นการขาย Placement ใน Website ตัวเอง เช่นขาย Banner 
  • Infrastructure  : เป็น Open protocol ที่เปิดให้ทุกคนใช้งานต่อยอดได้ง่าย แค่หาเช่าพื้นที่เก็บข้อมูล 
  • แล้วจดโดเมนชี้มาที่บ้านเช่า

จุดเด่น จุดด้อย

  • Creator ได้เจอกับ Consumer ได้แบบ ​Direct ไม่มีคนกลาง
  • Barrier to Entry สูง ต้องใช้ต้นทุนในการสร้าง และความรู้ด้านเทคนิค
  • Creator ต้องการความรู้ด้านเทคนิคคอล หรือต้องทำ HTML หรือใช้ CMS เช่น WordPress ได้
  • Creator หารายได้จากคอนเทนท์ที่ผลิตได้น้อยมาก 
  • ตัวคอนเทนท์เอง สามารถถูกคนลอกเลียนแบบทำซ้ำได้โดยง่าย

Web 2.0 :

ยุคเชื่อมต่อช่วง พ.ศ. 2550 – พ.ศ. 2563
Sample Web 2.0 : Facebook, Youtube, Twitter, Lazada และ Mobile App อื่นๆ

  • Consumer Behavior : เข้ามาเพื่อเชื่อมต่อกับเพื่อนที่รู้จักกันในโลกความจริง และเจอเพื่อนใหม่ๆ
  • Interface :  Notebook  ไปถึง Mobile Application 
  • Community : Page, Group หรือ Chat Room
  • Network Effect : เชื่อมต่อกับเพื่อน, ทำธุรกิจซื้อ/ขาย แลกเปลี่ยน
  • Infrastructure  : เป็น Close Platform ที่เปิดให้ทุกคนสมัครสมาชิกใช้งานได้โดยง่าย แต่คอนเทนท์ และข้อมูลต่างๆทางคนกลางเป็นเจ้าของเราไม่สามารถดึงมาเก็บไว้ได้เอง (นึกภาพคุณเป็นเจ้าของเพจ ที่ไม่สามารถดึงข้อมูล ชื่อ นามสกุล อีเมล์ เบอร์โทร ของ Followers เราออกไปใช้ที่ Platform อื่นได้

Creator Monetization : ไม่มีโดยตรง เนื่องจากเป็นการสร้างคอนเทนท์ผ่านคนกลาง
หรือ Aggregator / Intermediary ทำให้ต้องการรายได้จาก 

  1. Brand จ่ายเพื่อให้ทำประชาสัมพันธ์ให้
  2. สร้างสินค้าและบริการเอง
  3. ได้ Incentive จาก Intermediary เช่น youtube แบ่งรายได้จากค่าโฆษณาให้

จุดเด่น จุดด้อย

  • Creator สามารถสร้างหน้าร้านได้เองอย่างรวดเร็ว นึกภาพว่าใครๆก็สามารถสร้าง Facebook Page, Youtube Channel ได้โดยง่าย ใช้เวลาไม่กี่นาที
  • Creator สามารถสร้าง Value ได้เอง แค่มีคอนเทนท์ที่น่าสนใจ
  • การถูกมองเห็น หรือ Reach ต่างๆขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของตัวกลาง ทำให้ Creator เสียเปรียบมากๆ ลองนึกภาพว่าเราใช้ Effort และเวลามากมายในการเพิ่ม Follower แต่ยังต้องจ่ายเงินตัวเองบูสท์โพส เพื่อให้ Reach ไปถึง Followers เหล่านั้น
  • รายได้ค่าโฆษณาของทุกๆธุรกิจส่วนใหญ่ถูก Aggregate ไปอยู่ที่คนกลาง 

Web 3.0 :

ยุคกระจายศูนย์ พ.ศ. 2564 – พ.ศ. 25XX

Sample Web 3.0 application : dTube (แทน Youtube), audius (แทน Spotify) arweav (Cloud Storage ต่างๆ),

  • Consumer Behavior : เข้ามาเพื่อสร้างตัวตนเสมือนจริง หารายได้จากทรัพย์สินดิจิตอล 
  • Interface :  ยังผ่านคอมพิวเตอร์และ Mobile บ้างแต่มีแนวโน้มจะมุ่งไปที่ Wearable Devices ต่างเช่น VR glass
  • Community : การเล่น Game แบบ Play to Earn,  การแลกเปลี่ยน Digital Token  ต่างๆ
  • Network Effect : เชื่อมต่อกับเพื่อน, ลงทุน, ทำธุรกิจ
  • Infrastructure  : เป็น Decentralize Platform ที่ถูกสร้างอยู่บน Blockchain Technology 

Creator Monetization :

  • Business Model ที่กระจายรายได้ถึงCreatorได้โดยตรง (จากConsensus Mechanic
    หรือการมีข้อตกลงร่วมในระบบผ่าน Node)
  • ทำทรัพย์สินที่ตัวเองผลิตในรูปแบบ Digital ไปแปลงเป็น Tokensและนำออกมาขายได้ผ่าน Marketplace 

จุดเด่น จุดด้อย

  • Creator สามารถเชื่อมต่อกับ Consumer หรือ Followers ได้โดยตรง ไม่มีคนกลาง
  • รายได้ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมต่างๆ จะถูกคนกลางน้อยลง
  • ช่องว่างระหว่างความบันเทิง และการหารายได้จะลดลง
  • คนรุ่นใหม่ จะมีรายได้จากการสร้างคอนเทนท์ หรือการเล่นเกมส์
  • คอนเทนท์ต่างๆ จะได้รับการคุ้มครอง และตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาได้ง่ายๆผ่าน Blockchain
  • การทำแบรนดิ้ง สามารถต่อยอดเป็น Digital Asset และนำไปหารายได้ได้โดยตรง


Opportunity for Marketer โอกาสสำหรับนักการตลาด

1. Direct-to-Avatar Economy
ในยุค Web 3.0 ธุรกิจแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจบันเทิง หรือแฟชั่น ที่มี Brand Loyalty สูง ก็สามารถที่จะสร้าง Digital Asset เพื่อให้กลุ่มลูกค้าดั้งเดิม นำไปสะสมหรือใช้งานได้ใน Platform Web 3.0 อื่นๆ ทั้งใน Game หรือใน Metaverse Platform

ในอนาคต เราจะสามารถซื้อ Items Louis Vuitton แล้วนำไปใช้งานในเกมส์ต่างๆได้

2.New Entertainment Business
ศิลปิน หรือคนมีชื่อเสียงในโลกจริง ก็สามารถสร้างตัวตนหรือ Avatar เพื่อไปแสดง Concert หรือโชว์ตัวใน Virtual Space ได้ ตัวอย่างในภาพ Marshmelloได้จัด live concert ในเกมส์ Fortnite มีคนดูประมาณ 10 ล้านคน

3.Fair revenue distribution for Content Creators
ผู้พัฒนาคอนเทนท์ทุกรูปแบบไม่ว่าจะงานออกแบบ หรืองานเขียน ก็มีช่องทางในการ สร้างรายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขาย NFT หรือ Non-fungible token ผ่าน Marketplace ต่างๆ หรือการได้รับเหรียญหรือ Token ทุกๆครั้งที่มี Consumer เข้าไปบริโภคเนื้อหาคอนเทนท์ที่เราสร้างไว้

Concept การทำงานแบบ Decentralized Content Distribution Platform ที่ชื่อว่า “MovieBloc” ที่จะมีการแบ่งรายได้หรือ Revenue Sharing กลับไปหาผู้ที่เป็น Content Creator

4.Decentralized customer data
ในยุค Web 2.0 การ Login ผ่าน Social Account ทำให้เจ้าของข้อมูล ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลตัวเอง และข้อมูลส่วนบุคคลถูกจัดการอยู่ที่คนกลาง เช่น Facebook และเจ้าของ Application ที่เราใช้งาน

Web 3.0 พยายามให้ผู้คนสามารถเลือกที่จะเก็บข้อมูลของตัวเองไว้ในDecentralized data stores ของตัวเองหรือ Pods

solid-pod
โครงการ Solid Project ที่กำลังพัฒนาโดย Tim Berners-Lee, 1 ในผู้คิดค้น World Wide Web

และในอนาคตก็กำลังมี Platform ประเภท Decentralizing Identity อีกหลากหลายตัว ที่จะทำให้ระบบการจัดเก็บ Customer Data แบบเดิมถูก Disrupt ไป


ติดต่อขอรับคำปรึกษาด้าน Marketing และ Technology

  • ให้คำปรึกษาตั้งแต่การวาง Technology Roadmap
  • การเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่สุด
  • การวาง Data Foundation ให้รองรับสเกลของธุรกิจ
  • การ Implement Platform อย่างมีระบบ
  • การทำ Change Management และการติดตามการ Adoption
  • ควบคุมการบริหารโครงการด้วยผู้มีประสบการณ์ตรง
  • รับจำนวนจำกัดไม่เกิน 2 Projects / เดือน

Email : [email protected]


Reference
https://hackernoon.com/the-web-3-0-the-web-transition-is-coming-892108fd0d
https://www.notboring.co/p/the-value-chain-of-the-open-metaverse
https://docs.google.com/document/d/1SWJw_NTyUvgdB_asRzsnVyKjciW8dZbeqQeUeWsEiQc/edit
https://hackernoon.com/from-web-10-to-web3-how-the-internet-grew-over-the-years-zac032g1
https://www.notboring.co/p/the-value-chain-of-the-open-metaverse
https://medium.com/@essentia1/why-the-net-giants-are-worried-about-the-web-3-0-44b2d3620da5
https://www.investopedia.com/terms/s/smart-contracts.asp
https://medium.com/@foleybizz/how-blockchain-technology-can-help-create-a-fair-transparent-revenue-share-for-movie-creators-97a4f3adce13
https://www.cbinsights.com/research/creator-economy-market-map/


Similar Posts