martech-history

ประวัติการตลาด 4ร้อยกว่าปี จากปี 1600 สู่ Hype Cycle ปี 2021

เหลียวหลังแลหน้า จากปี 1600 ใบปลิวแรกที่ถูกแจกในอิตาลี > มาถึงปี1700 ที่พิมพ์โปสเตอร์ออกมาได้ > ปี1900 โฆษณาTVใบ้ไร้เสียงตัวแรก > การทำไดเรกท์มาร์เก็ตติ้งช่วงปี 1980 > สู่ Integrate Marketing Communication(IMC) ยุค1900 > มองผ่านปรากฏการณ์ “Dot-Com Bust”ปี 2000 > Generation: Social Media ต้น2000 > สู่ Marketing Technology Lanscape ในปี 2011 และปี 2020 นี้กับ Hype Cycle ของ Gartner

ปี 1700-1990 ยุค 1st Generation : Offline Media

การตลาดในยุค Media Technology (การใช้เทคโนโลยีสื่อ)…
การทำการตลาด (Marketing) ดำเนินมายาวนานกว่า 400 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ไว้ว่า ในปี ค.ศ. 1600 มีการจ่ายค่าโฆษณาครั้งแรกในอิตาลี และในช่วงเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ทางอังกฤษก็มีการบันทึกไว้ว่า เริ่มมีการพิมพ์ใบปลิว (Handbills) แจกจ่ายกันตามท้องถนนแล้ว

หลังจากปี ค.ศ. 1700 เป็นต้นมา เทคโนโลยีการพิมพ์หนังสือพิมพ์ และแม็กกาซีนต่างได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้น ทำให้การทำการตลาดผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

Trade card สำหรับการขายเก้าอี้ในปี 1730 (หรือ Business Card ในปัจจุบัน)

Trade card, 1730-1742 V&A Museum no. 14435:60 Techniques – Etching, ink on paper Artist/designer – Unknown Place – London, England (printing)

พอมาถึงปี ค.ศ. 1920 ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มมีการทำการตลาดโดยการโฆษณาผ่านสื่อคลื่นวิทยุต่างๆ และภายหลังปี ค.ศ. 1941 เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโทรทัศน์ก็ได้รับความนิยม ทำให้วิวัฒนาการการโฆษณาเริ่มขยับขยายจากภาพนิ่งมาเป็นภาพเคลื่อนไหวอย่างเต็มตัว

AMERICA RUNS ON BULOVA TIME
โฆษณาทางโทรทัศน์ชิ้นแรกที่เป็นภาพนิ่ง และมี Voiceover พูดว่า
“AMERICA RUNS ON BULOVA TIME.” โดยมีความยาวแค่ 10 วินาที

หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1950 ที่สาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโทรศัพท์บ้านเริ่มเป็นที่แพร่หลาย ก็ก่อให้เกิดกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจอีก 1 อย่าง คือ Telemarketing หรือ Telesale คือ การให้เจ้าหน้าที่โทรไปนำเสนอสินค้าและบริการทางโทรศัพท์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการโทรไปหากลุ่มคนแบบสุ่ม จนเริ่มมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ มีการคัดเลือกการโทรตามเงื่อนไขต่างๆ กล่าวได้ว่า

ยุคนี้เป็นยุคแรกเริ่มของการทำการตลาดแบบตรงถึงผู้บริโภค (Direct Marketing) มีระบบจัดการฐานข้อมูลลูกค้า (Customer Database Management) และการจัดกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation)

การริเริ่มความเป็น Marketing Technology

ค.ศ. 1980: เริ่มมีการวางรากฐานของระบบ Database Marketing (นำมาสู่ระบบการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เรียกว่า “Customer Relationship Management” หรือ “ระบบ CRM”) มีการคิดค้นซอฟต์แวร์ในหมวดหมู่ Contact Management Software และมีการบัญญัติศัพท์ใหม่อย่าง “Relationship Marketing”ขึ้นใช้

Contact Management Software ชื่อว่า “ACT”
ถือเป็นต้นกำเนิดระบบ CRM ในเวลาต่อมา

1991: คำศัพท์ CRM เริ่มเป็นที่แพร่หลายพร้อมๆ กับรูปแบบการวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ ที่เรียกว่า “Integrated Marketing Communications (IMC)”

ปี 1990-200 ยุค 2nd Generation: WWW & E-commerce

หลังจากการพัฒนาด้านคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในปี ค.ศ. 1991-1992 เว็บไซต์(Website) แรก ได้ถือกำเนิดขึ้นมาให้ชาวโลกได้ยลโฉม โดยใช้ชื่อว่า “The World Wide Web Project ” ซึ่งมีหน้าตาเรียบง่ายดังรูป


หลังจากยุคนี้ (ค.ศ. 1990-2000) เทคโนโลยีต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
1994 : ก่อกำเนิด Web Browser ชื่อว่า “Netscape Navigator”
1995 : Jeff Bezos ได้เปิดตัวเว็บไซต์ amazon.com
1995: เปิดตัวเว็บไซต์ eBay.com ที่เปิดให้บริการประมูลออนไลน์ที่แรกในโลก
1999: ธุรกิจ E-Commerce ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง $150 พันล้านดอลลาร์
2000: เกิดปรากฏการณ์ “Dot-Com Bust” หรือ วิกฤตฟองสบู่ดอทคอมในสหรัฐ

จากการเติบโตและกระแสของ E-commerce มาแรงถึงขีดสุด นักลงทุนในสหรัฐที่เทเงินเข้ามาในตลาดนี้ตั้งแต่ต้นยุค 90 บริษัทอินเทอร์เน็ตในดัชนีตลาด NASDAQ ปรับตัวสูงขึ้นหลายเท่า

แต่ผลสุดท้าย การลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าสูงเกินจริง ซึ่งในตลาดทุนนั้นทุกคนเท่าเทียมกัน เมื่อความจริงปรากฏ เงินก็หายไปกว่า $5 พันล้านดอลลาร์

ดัชนีตลาด NASDAQ เริ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติในปี 1999
ก่อนจะสูงสุดในช่วงปี 2000 และร่วงลงอย่างรุนแรงในปี 2001

การริเริ่มความเป็น Marketing Technology 2nd Generation การแสดงตัวตนบนดิจิตอล หรือการมีสถานะบนโลกออนไลน์ (Digital Presence)

ในยุคนี้ ผู้คนให้ความสำคัญกับเดสก์ท็อป และเว็บไซต์ ทำให้ภาพรวมของเทคโนโลยีในช่วงต้น-กลาง ยุค 90 เน้นพัฒนาไปกับการใช้ Animation และ Rich Media, เกิดการพัฒนาระบบ Back Office, เกิดภาษา Java สำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน และนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลายด้าน, เกิดช่องทางติดต่อสื่อสาร (Communication) ใหม่ๆ เช่น Hotmail.com, เริ่มมีซอฟต์แวร์สำหรับการส่งข้อความหากัน (Instant Messaging) เช่น AIM (America Online Instant Messenger), ICQ, MSN

สัญลักษณ์ที่คนยุค 90 คุ้นเคย [[MTT-01-030]]

ปี 2003 – ปัจจุบัน ยุค 3rd Generation: Social Media, Mobile Takeover, Cloud Service

ในยุคนี้ เว็บไซต์เป็นมากกว่าแค่จุดเยี่ยมชมที่มีแต่ข้อมูลข่าวสาร แต่เริ่มเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อกัน เช่น การแชร์บทความผ่าน Blog การชม Video Streaming และการเชื่อมโยงกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network)

อีกทั้งพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตของ User ก็เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ Desktop ก็กลายมาเป็นอุปกรณ์ Mobile เช่น สมาร์ทโฟน (Smartphone), แท็บเล็ต (Tablet) เป็นต้น และการเข้าถึงข้อมูลกลางก็ย้ายจากเซิร์ฟเวอร์ของหน่วยงาน (On-Promise Servers) ไปฝากไว้ที่ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวน์ (Cloud Service Provider) ที่ประมวลผลได้เร็วกว่า และช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งและดูแลระบบ

จำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือมากกว่าเดสก์ท็อปอย่างชัดเจนนับจากปี 2014

การริเริ่มความเป็น Marketing Technology ของ 3rd Generation…
ในยุคนี้มีหลายๆ องค์ประกอบที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Technology Tsunami” ซึ่งเป็นเหตุการณ์คลื่นเทคโนโลยีถาโถมเข้าใส่นักการตลาด โดยองค์ประกอบที่สำคัญๆ มีดังนี้

  1. การเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตซอฟต์แวร์ (The Growth of Software Industry) การพัฒนาซอฟต์แวร์ในปัจจุบันนี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะธุรกิจ Startup มีช่องทางระดมทุนได้ง่ายขึ้น และสามารถแข่งขันกับบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ได้
  2. เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ๆ (New Business Model) ด้วยไอเดียที่แปลกใหม่และความรู้เชิงลึกด้านเทคโนโลยี ทำให้เกิดนวัตกรรมทางธุรกิจที่สามารถแข่งขันกับธุรกิจดั้งเดิมได้ เปิดโอกาสให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดมากมาย เป็นยุคของการ Disruption ทางธุรกิจ
  3. ผลตอบแทนจากการลงทุน (Measurable Return of Investment: ROI) ที่สามารถวัดค่าได้
  4. งบประมาณสำหรับการตลาด (Budget for Marketing) มีการปรับเพิ่มงบประมาณในการทำการตลาด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์มาที่ช่องทางดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น
  5. ในปี ค.ศ. 2010 Scott Brinker ผู้ก่อตั้ง chiefmartec.com ได้เผยแพร่ภาพ Logo ของ Software หรือ Tool ต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการทำการตลาด โดยเรียกภาพนี้ว่า “Marketing Technology Lanscape 2011”

โดย Scott Brinker ได้รวบรวม Logo ของบริษัทต่างๆ ที่ในภายหลังเรียกว่า “Marketing Technology 100 บริษัท” โดยมีการแบ่งบริษัทออกเป็นกลุ่มๆ แยกตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้งาน หลังจากนั้น คนในวงการการตลาดก็ออกมาให้การยอมรับวิธีการนิยาม Marketing Technology นี้ และมีการนำรูปแบบ Landscape นี้ไปเผยแพร่กันอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา

ปี 2020 แนวโน้มการเติบโตด้าน MarTech จากทั่วโลก

Hype Cycle for Digital Marketing
Gartner บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีระดับโลก สรุปเทรนด์โลกว่าปี 2020 (จนถึง2021) เทคโนโลยีที่มาแรง (On the Rise) ในเฟสTechnology Trigger ได้แก่

  • Customer Data Ethics หรือ จริยธรรมการใช้ Data ของลูกค้า
  • Visual Search for Marketing เช่นการ Search หาข้อมูลสินค้า และบริการผ่านการใช้ Smartphone ถ่ายรูปที่เราต้องการ และระบบ Image recognition จะประมวลผลหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาให้ดู ตัวอย่างเช่น APP Google Lens บน Android เป็นต้น

ส่วนเฟสPeak of Inflated Expectations ได้แก่

  • Consent & Preference Management
  • Real Time Marketing
  • Customer Journey Analytic

ส่วนเทคโนโลยีที่อยู่ในเฟสTrough of Disillusionment ได้แก่

  • Identity Solution
  • Multitouch Attribution
  • Personalization Engine

ส่วนเทคโนโลยีที่อยู่ในเฟส Plateau of Productivity และจะเป็น Mainstream adoption ภายใน 2 ปีได้แก่

  • Influencer & Advocacy Marketing
  • Social Analytic
  • Mobile Marketing Analytic ครับ
Hype Cycle for Digital Marketing 2020

อ่านต่อ…… Marketing technology คืออะไร มีกี่ประเภท

หนังสือการตลาด

Similar Posts