การใช้ Mailchimp เพื่อทำ Email Automation และ Personalization แบบละเอียด
This post is also available in: อังกฤษ
เครื่องมือ MarTech ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 โดยเริ่มต้นเป็นระบบ Email paid service ที่ต้องจ่ายเงินเพื่อใช้บริการ โดยชื่อ Mailchimp มาจากชื่อของคาร์แร็คเตอร์ยอดนิยมที่อยู่ฝน E-card ของเค้าเอง
หลังจากนั้นในปี 2009 Mailchimp ได้ปรับธุรกิจมาเป็น Freemium Model หรือเปิดให้ใช้งานได้ฟรี ในระดับเบื้องต้นทำให้ ผู้ใช้งาน Mailchimp เติบโตจาก 85,000 ถึง 450,000 ผู้ใช้งาน อย่างรวดเร็ว
ความสามารถที่สำคัญของ Mailchimp ได้แก่ การสร้างLayout และรูปแบบEmail, การจัดการรายชื่อEmail, การส่งEmailแบบหว่าน, การส่งEmailแบบ Automation, การ Segmentations รายชื่อEmail และการ Personalization ข้อความในEmail
แนะนำ Feature ที่สำคัญของ Mailchimp
1. Menu Audience หรือการจัดการรายชื่อ
การ Import ข้อมูลที่มีเข้าไป
สำหรับให้เราดูบริหารจัดการรายชื่อผู้ติดต่อ คนที่ยังไม่มีรายชื่อเราสามารถ Import ข้อมูลเข้าไปในระบบได้ โดยการคลิกที่ปุ่ม Import แล้วเลือกไฟล์ CSV, Excel ที่ต้องการ
จากภาพให้คลิกตรงปุ่ม Import และเลือกไปที่ไฟล์ csv ในตำแหน่ง Folder ที่เราบันทึกเก็บไว้
หลังจาก Upload File แล้วระบบจะถามว่าข้อมูลที่เรา Import เข้าไปเป็นข้อมูลประเภทใด
เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลลูกค้าที่เข้าไปในระบบเราได้มาอย่างถูกต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรายชื่อ
จากภาพจะเห็นว่าหลังจาก Upload ไฟล์ไปแล้ว ฟิลด์ข้อมูลที่เรา Import เข้าไปในระบบมีการแมทช์กันได้พอดีจะแสดงสีเขียว
ส่วนในกรณีที่มันไม่ Match กันจะแสดงสีแดงตามภาพด้านล่าง
ให้เราทำการเลือกว่า Column นั้นๆว่าเป็น Label อะไร
จากภาพในคอลัมน์เป็นการพูดถึงเขต เมื่อไม่มีในระบบเราสามารถ Create Field ใหม่ได้
2. Signup Form การสร้างแบบฟอร์มให้คนลงทะเบียน
นอกจากการจะใช้การ Import ข้อมูลลูกค้าเก่าที่เรามีเข้าไปในระบบแล้ว เรายังสามารถสร้างแบบฟอร์มเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้าใหม่ได้ ด้วยเมนู sign up form
โดยในเมนู Sign up form นี้แบ่งออกเป็นอีก 5 Submenu คือ
- Form builder
- Embedded forms
- Subscriber pop-up
- Contact Form
- Form integrations
Form builder คือแบบฟอร์มสำเร็จรูปที่มีให้เราเลือกใช้งานมากมาย
จากภาพจะเห็นได้ว่าหมวดหมู่ใหญ่ของแบบฟอร์มได้แก่แบบฟอร์มประเภท
- Subscribe เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ากรอกข้อมูลติดต่อหาเราเบื้องต้น
- UnSubscribe Form คือส่วนการสร้างแบบฟอร์มเพื่อให้ลูกค้า Opt out หรือลบตัวเองออกจากฐานข้อมูลของเรา
- Update Profile from คือส่วนการสร้างแบบฟอร์มเพื่อให้ลูกค้ามาบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารที่ต้องการรับหรือที่เรียกว่า Preference Center
- แบบฟอร์มสำหรับให้ลูกค้า Referral หรือว่าแนะนำเพื่อนเข้ามาในระบบ
ทดลองสร้างแบบฟอร์ม
ให้เราทดลองเลือกสร้าง Form แบบปกติจะเห็นว่ามีเมนู Build It ให้เราเลือกใช้งาน
โดยปกติแล้วแบบฟอร์มแบบนี้ field ข้อมูลที่เราให้ลูกค้ากรอกที่สำคัญมักจะมีอยู่ประมาณ 4-5 fields ได้แก่ ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทร โดยเราสามารถ Drag and Drop หรือสลับตำแหน่งแต่ละ Fields ได้
Design It คือส่วนที่เปิดให้จัดการรูปแบบของ Form สีสันต่างๆของ Button ได้
ส่วนของการนำแบบฟอร์มไปใช้นั้นสามารถใช้ได้ผ่านการ Embedded forms
การ Copy โค้ดไป Embeded ในเว็บไซต์
การสร้าง Segmentations ตาม Criteria ของข้อมูล
คือการฟิลเตอร์ข้อมูลหาลูกค้าตามเงื่อนไขของ Data ที่เรามีจาก ภาพการ Filter ข้อมูลหาลูกค้าที่สนใจในแบรนด์ Honda เพื่อสร้าง segmentation “Honda Interest”
หลังจากนั้นให้กด Preview segment ระบบจะไปกวาดหาข้อมูลจากคอลัมน์ Brand interest ว่ามี Row ไหนตอบว่า “Honda”
เราสามารถ Save เงื่อนไขที่เรากำหนดไว้เป็น segment ชื่อ “Lead who interest in Honda brand” ได้เลย
โดยหลังจากนี้กรณีที่มี Lead เข้ามาใหม่และในColumn Brand interest เป็นคำว่า Honda > Lead นั้นๆจะวิ่งเข้า segment ชื่อ “Lead who interest in Honda brand” โดยอัตโนมัติ
3. Campaign Management
การสร้าง Email Campaign
Menu Layout คือในระบบมีเทมเพลตไว้พร้อมใช้งานมากมาย เป็น Email template สำหรับการขายขอ งการประกาศข่าวหรือการส่งเนื้อหาที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าเพิ่มเติม
Menu Theme คือรูปแบบอีเมลสำเร็จรูปที่มีภาพและสีสันไว้ให้ใช้งานแล้ว
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ภาษา HTML จากข้างนอก Import เข้าไป ในรูปแบบ Zip ก็ได้
ตัวอย่างการเริ่มต้นสร้างอีเมลจาก template
ระบบจะมีโครงเปล่าๆให้เราเลือกเปลี่ยนรูปภาพเป็นข้อความ หลังจากเลือก templateแล้วเราจะสามารถแก้ไขรูปภาพโลโก้หรือข้อความต่างๆใน template นั้นได้
4. การออกแบบ Customer Journey
ใน Mailchimp จะมี Featured Automation คือรูปแบบ automate ที่ใช้งานบ่อย ได้แก่
- ส่งอีเมลเมื่อลูกค้ากรอกข้อมูลเข้ามาในระบบ
- ส่งอีเมล เมื่อถึงวันเกิดของลูกค้า
- ส่งอีเมล แจ้ง Update Blog ใหม่
หรือถ้าต้องการสร้าง Automation ขั้นสูง ต้อง Upgrade จาก Free Plan เป็น Essentials Plan ราคาค่าใช้จ่ายเดือนละ 300 บาท
5. การ Personalization ข้อความ
ใน Mailchimp การ Personalization ข้อความใน Email ใช้คำว่า Merge tags โดยการทำงานนั้น เราเข้าไปดู Tag หรือ Column Name ใน Excel, CSV นั่นเอง เพื่อนำ Value เหล่านี้ไป Insert ในตำแหน่งที่ต้องการ Personalization
ตัวอย่างในภาพ
*|FNAME|* คือการดึง ชื่อ มาแทนที่
*|LNAME|* คือการดึง นามสกุล มาแทนที่
*|MERGE8|* คือการดึง Value ใน Column “Brand Interest” มาแทนที่
*|MERGE9|* คือการดึง Value ใน Column “ProductInterest” มาแทนที่
*|MERGE7|* คือการดึง Value ใน Column “District” มาแทนที่
เมื่อนำมาแสดงใน Email Content จะเห็นแบบนี้
ลองกดดู Live Preview จะเห็นว่า *|MERGE8|* เปลี่ยนเป็น Suzuki *|MERGE9|* เปลี่ยนเป็น Swift และเปลี่ยน District ตาม Audience fields เรียบร้อย
6. การ Integration กับ Tool อื่นๆ
Mailchimp ยังมี Feature Integration หรือความสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือ MarTech อื่นๆ มากมายโดย ผมแนะนำ Integration ที่สำคัญๆ ดังนี้
WordPress
การเชื่อมต่อกับ WordPress ทำให้สามารถทำ Automation
- ทำแบบฟอร์มสมัครสมาชิก หรือ Pop-up form
- นำข้อมูลไปทำ Google remarketing ads ได้
Magento
การเชื่อมต่อกับ Magento ทำให้สามารถทำ Automation เหล่านี้ได้
- Segmentation จากพฤติกรรมการซื้อสินค้า
- ทำ Product Recommendation จาก Historical Data
- แจกโค้ดส่วนลด หรือ Promo Code ได้
- ทำ Order notifications เพื่อ Confirm คนซื้อได้
- ทำ Abandoned cart email
สรุป Mailchimp ก็เป็นเครื่องมือ Marketing Automation ที่ใช้งานได้ฟรี และมีฟีเจอร์ด้าน Marketing Automation ที่สำคัญๆมากมาย และกรณีที่ต้องการใช้ Feature ขั้นสูงก็สามารถ Upgrade เป็น Essentials Plan ก็มีค่าใช้จ่ายแค่หลักร้อยต่อเดือน
ติดตาม Marketing Tech Thailand ใน Social Media ได้ที่
🔥 Facbook Page : Marketing Tech Thailand
🔥 Facebook Group : Marketing Tech Thailand – Group
📺 Youtube : Marketing Tech Thailand
🌎 Linkedin Group (Global Community) : Marketing Tech Community in Thailand