content-matrix-cover

กลยุทธ์ แท็คติก และวิธีวัดผล “The Content Marketing Matrix”

เลือกใช้คอนเทนท์ประเภทต่างๆด้วย “The Content Marketing Matrix” (จาก Smart Insights)

content-matrix

จากตาราง Content Marketing Matrix นี้ประกอบไปด้วย


👉 เส้นแนวนอน ที่เริ่มตั้งแต่ Awareness ไปถึง Purchase เส้นนี้คือ Marketing Stages ที่ลูกค้าค่อยกระดึ๊บๆข้ามไป จนกว่าเราจะปิดการขายได้นั่นเอง
👉 เส้นตั้ง ที่เริ่มตั้งแต่ Rational ไปถึง Emotional เส้นนี้ล่างๆ คือการใช้คอนเทนท์เพื่อการสร้างเหตุผลที่สมจริง ไปจนใช้การเพื่อสร้างอารมณ์ร่วม


จาก Matrix นี้คนทำคอนเทนท์จะเห็นว่า Formats / Channels หรือรูปแบบและช่องทางปล่อยคอนเทนท์แต่ละอย่าง มีการทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน เมื่อเรารู้ว่าแบบนี้เรา เราก็ต้องเลือกแทคติกหรือเลือกวิธีการวัดผลแต่ละ Formats / Channels ให้เหมาะสมนะครับ เช่น

กล่องบนซ้าย Entertain

การทำคอนเทนท์ที่ Emotionalสูง+อยู่ใน Awareness Stageเช่น Quiz, Game, Viral มีโอกาสที่

  • จะเข้าถึงคนในวงกว้าง
  • คนอาจเข้ามาครั้งเดียวไม่Return มาอีก
  • กลุ่ม Audience อาจจะไม่ตรงกับกลุ่มคาดหวังของเรา (Potential)

แทคติกสำคัญในกล่องนี้

  • Inbound Marketing เพื่อดักเก็บข้อมูลสำหรับให้เราติดต่อกลับลูกค้าได้ อย่างน้อย Email
  • มีการทำ Lead Nurturing เพื่อให้คนกลุ่มนี้ยังได้รับข่าวสารจากเรา อย่างน้อยก็ได้เรื่อง Brand Perception
  • ด้าน SEO content : Keywords ในกลุ่มนี้มี Search Volume ที่สูงมาก แต่ไม่ควรซื้อ SEM เพราะเป็นการหว่านเกินไป

ตัวอย่างวิธีการวัดผลในกล่องนี้

  • อัตราคนกรอกข้อมูล (% of session to subscribed)
  • จำนวน Organic Impression ที่เพิ่มขึ้น X%
  • จำนวนคนแชร์ Content กลุ่มนี้ใน Social

กล่องล่างซ้าย Educate

การทำคอนเทนท์ที่ Rationalสูง+อยู่ใน Awareness Stageเช่น Guide, Infographic, Trend Report โดยกล่องนี้

  • ใช้เพื่อ Educate คนทั่วไป
  • จะเข้าถึงคนในวงกว้าง
  • กลุ่ม Audience ตรงกับกลุ่มคาดหวังของเรา (Potential)
  • ใช้การผลิตยาก ต้องใช้ Effort เยอะ
  • สร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้

แทคติกสำคัญในกล่องนี้

  • พยายามเสนอ (Offer) Exclusive อื่นๆเพิ่ม เพื่อให้ได้มาซึ่ง Lead ที่มีข้อมูลครบถ้วน ทั้งชื่อ เบอร์โทร
  • กระจายคอนเทนท์ด้วยการซื้อ ​Ads, การใช้ Influencer ช่วย Endorse ความถูกต้อง

ตัวอย่างวิธีการวัดผลในกล่องนี้

  • อัตราคนกรอกข้อมูล % of session to lead
  • จำนวนคนกรอกข้อมูล ที่เป็น marketing qualified lead
  • จำนวน New User (Cookie ใหม่จ๋าเพื่อวัดว่าเรา Reach คนใหม่ๆได้)

และ Quality Signal อื่นๆ Time spend on page, Page per session (ไว้อธิบายเรื่องนี้เพิ่มครับ…เดี๋ยวยาว)


กล่องบนขวา Inspire

การทำคอนเทนท์ที่ Emotionalสูง+อยู่ในPurchase Stageเช่น การใช้ Celebrity ที่ High Profile มาช่วยกระจาย โดยกล่องนี้

  • เน้นการ Inspire คนแบบรวดเร็ว หรือล้างสมอง
  • เหมาะกับสินค้า Luxury, Fashion หรือสินค้าที่คนซื้อด้วยEmotional

แทคติกสำคัญในกล่องนี้

  • เลือก Celebrity ให้เหมาะสม
  • เลือกใช้คอนเทนท์ที่เฉียบคม กระแทก Painpoint ได้รวดเร็ว
  • คนอาจซื้อสินค้าเพื่อ Trade กับสิ่งสำคัญในชีวิต เช่นต้องการข้อเข่าดีขึ้น ต้องการอายุยืนขึ้นอีก1ปี

ตัวอย่างวิธีการวัดผลในกล่องนี้

  • Search Trend ที่สูงขึ้นใน Topics ที่เราปั่น สะท้อนว่ามีคนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น
  • Sentiment ต่างๆใน Social Media ที่จับได้
  • ยอดขายที่ Spike กับช่วงเวลาที่ Celebrity ออกมา Spreading

กล่องล่างขวา Convince

การทำคอนเทนท์ที่ Rationalสูง+อยู่ในPurchase Stageเช่น การทำคอนเทนท์ประเภทDatasheet, Case Study ต่างๆ, การทำ Webinar โดยกล่องนี้ทำเพื่อ.

  • โน้วน้าว เกลี้ยกล่อม เพื่อปิดการขายสินค้า (Convince)
  • เหมาะกับธุรกิจ B2B หรือสินค้าที่ใช้การมีส่วนร่วมกับคนเยอะ (High Involvement)
  • สินค้าประเภท Technology ที่ต้องอาศัยการเปรียบเทียบ Specification ต่างๆอย่างละเอียด

แทคติกสำคัญในกล่องนี้

  • ข้อมูลต้องมีคุณค่าสูง ถูกต้องแม่นยำ
  • ส่งหาลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่นการทำ Marketing Automation
  • การมีการใช้ Human Follow Up ด้วย
  • ต้องการระบบ CRM ในการ Track Process ควบคู่

ตัวอย่างวิธีการวัดผลในกล่องนี้

  • Sale cycle ที่สั้นลง
  • ยอดขายหรือ Sale Value ที่สูงขึ้น
  • จำนวน Won Deal ที่สูงขึ้น

สรุป จากภาพที่ผมฉายทั้งหมด

นอกจากจะทำให้เข้าใจว่า Formats / Channels แต่ละแบบเหมาะกับการทำหน้าที่แบบไหนแล้ว สังเกตุดีๆว่ากรณีเราทำงานที่ Based on Marketing Stage ตั้งแต่ Awareness > Purchase เราก็สามารถที่จะ Allocate Content (รวมถึงเงิน) ในแต่ละ Stage ได้เหมาะสม

หรือในกรณีที่ Formats / Channels เป็น Website แล้วหล่ะก็ การทำ SEO ก็สำคัญมากๆ เราต้องคิด Strategic Keywords ให้ครอบคลุมทั้ง Matrix นี้ รวมทั้งครอบคลุมตลอด Marketing Stage

เพราะการที่ลูกค้าเห็นและเข้าถึงคอนเทนท์ของเราผ่านการ Search ได้ ย่อมมีประโยชน์หลายๆด้านไม่ว่าจะการลดงบประมาณ การเพิ่ม Conversion, และการเห็น Insight ของลูกค้าเพิ่มจาก Search Intent



[ขายของ]
😂 ใครสนใจเรื่องนี้เพิ่มเติมทางผมและ STEPS Academy ได้มีหลักสูตร SEO content marketing อยู่นะครับ สามารถมาศึกษาวิธีการใช้ MarTech + Data-driven ในการปรับปรุงคุณภาพ SEO ได้เลย รอบต่อไปเปิดสอนประมาณปลายเดือน เม.ย. – ต้น พ.ค.

ลงทะเบียนที่นี่ได้เลย (จองไว้ก่อนยังไม่ต้องจ่ายเงิน)
https://bit.ly/3lfDCBP


ติดต่อขอรับคำปรึกษาด้าน Marketing และ Technology

  • ให้คำปรึกษาตั้งแต่การวาง Technology Roadmap
  • การเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่สุด
  • การวาง Data Foundation ให้รองรับสเกลของธุรกิจ
  • การ Implement Platform อย่างมีระบบ
  • การทำ Change Management และการติดตามการ Adoption
  • ควบคุมการบริหารโครงการด้วยผู้มีประสบการณ์ตรง
  • รับจำนวนจำกัดไม่เกิน 2 Projects / เดือน
Email : [email protected]

Similar Posts