เข้าใจ 7 Digital Elements ที่สำคัญกับการสร้างธุรกิจยุคใหม่
ปัจจุบัน ก่อนที่เราจะสามารถ Transform ธุรกิจเดิม หรือสร้าง Digital Business ใหม่ นั้นควรเข้าใจตัว D ห้าตัวที่ถือว่าเป็น Digital Elements หรือองค์ประกอบที่สำคัญที่เราต้องเข้าใจ เพื่อจะเห็นว่าเมื่อ 7Ds นี้เปลี่ยนไป พฤติกรรมผู้บริโภคย่อมเปลี่ยนตาม โดยทั้ง 7 ตัวประกอบไปด้วย
D1 = Digital goals
ปัจจุบัน เราสามารถตั้ง Goal แยกย่อยได้ละเอียดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง Goal ด้าน
- ยกระดับ Branding
- ด้าน Digital Tranformation
- ระดับการวัดผล Campaign
- การวัด Revenue หรือรายได้

ตัวอย่าง KPI สำหรับงาน Digital Marketing ครับ
เวลาเรากำหนดเสร็จ เราก็มาหาน้ำหนัก Weight กันว่าแต่ละคนในทีม ควรจะรับ KPI ข้อนั้นๆกี่% เช่น
- Tracking metrics > คนที่รับ KPI ข้อนี้ได้แก่ Specialist, Dev, UX
- Performance drivers > คนที่รับ KPI ข้อนี้ได้แก่ Specialist, Creative, Content
- Customer-centric KPIs > คนที่รับ KPI ข้อนี้ได้แก่ Brand Manager, Strategist
- Business value KPIs > คนที่รับ KPI ข้อนี้ได้แก่ Senior Management ทุกคน
D2 =Digital audiences
ด้วยPlatform ที่มีการจัด Data ที่ละเอียด สามารถจัด Affinity ของ Audiences แยกย่อยได้มากมาย อีกทั้งแต่ละ Platform ก็ออกแบบวิธีการวิเคราะห์กลุ่ม Audiences ไม่เหมือนกัน ถึงแง่นึงจะเป็น Challenge ในการทำงาน แต่อีกด้านทำให้เรามีช่องทาง หรือโอกาสที่จะสอดแทรกธุรกิจของเราไปกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงได้เช่นกัน
อีกทั้งด้วยความสามารถของ MarTech และ Social Data ต่างๆ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ Audieunce ได้หลากหลายมิติมากขึ้น
ตัวอย่างการวิเคราะห์ Audience ที่มีการ Memtion ถึง “BMW” ด้วย Audiense

อ่านต่อ 7 เครื่องมือวิเคราะห์ Twitter ทั้ง Analytic และ Analysis เน้นฟรี
D3 = Digital devices
ต้องเข้าใจว่าพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ มีการเชื่อมต่อกันผ่าน Device โดยอุปกรณ์เชื่อมต่อเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปเรื่อยๆ เช่น
- Smartphones และ Tablets ต่างๆ
- Smart TV
- เครื่องเล่นGame Console ต่างๆ
- อุปกรณ์ Virtual Assistantsทั้งหลายทั้งปวง เช่นอุปกรณ์กลุ่ม Smart Home ประเภท Voice Recoginition
- Internet of Things (IoT)
การพัฒนาของเทคโนโลยีและ Devices ต่างๆล้วนมีผลทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ถ้าเรามองเห็น ย่อมมีโอกาสในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆจาก Digital Devices ได้เช่น
Amazon’s Dash สามารถทำให้เรากดสั่งสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันได้ เช่น เมื่อผงซักฟอกหมด เราสามารถกดปุ่มนี้ ที่ติดอยู่บนเครื่องซักผ้า ทาง Amazon จะจัดส่งผงซักฟอกมาให้เราถึงบ้าน

D4 = Digital platforms
และแน่นอน ทุกๆ Devices ก็ต้องมีการเชื่อมต่อทั้งผ่าน Viewer, Browser หรือ Application ทั้งแบบ Native ใน Devices นั้นๆกับแบบ Hybrid หรือผสมผสาน
ตัวอย่าง Digital platforms ในปัจจุบัน จะรวมทั้ง Social Media Platform และ Platform อื่นๆด้วยไม่ว่าจะเป็น
- Facebook และ Instagram
- Google และ YouTube
- Apple
- Amazon
- Microsoft
D5 = Digital media
และนอกจากการที่ผู้บริโภค จะเข้าถึงธุรกิจของเราผ่าน Devices หรือ Platform แล้ว สื่อหรือ Media ที่จะทำให้ผู้บริโภคเริ่มรู้จัก (Awareness) และพิจารณาใช้งาน (Consideration) ก็สำคัญเช่นกันไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการสื่อสารประเภท
- Paid Media หรือสื่อประเภทโฆษณา ที่เราต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้มาซึ่ง Impression หรือ Traffic
- Own Media คือช่องทางที่เป็น Presence ของเราอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Website, Blog หรือ Social Media ของเราเอง
- Earned Media คือการได้รับ Refer ถึงจากแหล่งต่างๆเช่น การแชร์เรื่องราวธุรกิจใน Social Media ของ, การใช้ Influencer หรือ Outreach ในการสร้าง Word of Mouth หรือการสร้างการบอกต่อ

D6 =Digital data
และประโยชน์จากการที่พฤติกรรมทุกอย่างอยู่ใน Digital ทำให้เราสามารถเก็บ หรือ Track ข้อมูลต่างๆไว้ได้หมด

โดยเราสามารถแบ่ง Data ได้ตามแหล่งจัดเก็บ
1st party data เป็นเดต้าที่เราจัดเก็บไว้เอง ส่วนใหญ่เป็นพวก Personal Identifiable Information หรือข้อมูลที่ยืนยันตัวตนของลูกค้าได้เช่น ชื่อ ที่อยู่ อีเมลล์ เบอรโทร เป็นต้น
2nd party data เป็นข้อมูลที่ส่งผ่านมาจาก Business Partner ต่างๆ
3rd party data เป็นข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ที่ vendor, platform, system อื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูล Anonymous หรือข้อมูลที่ระบุตัวตนลูกค้าไม่ได้เช่น Device ID, Cookie ID, Landing page ที่เข้าไปดู หรือ Digital Behavior อื่นๆ
อ่านเพิ่มเรื่อง เจาะลึก CDP หรือ Customer data platform ฉบับ 2021
D7 = Digital technology
และแน่นอนสำหรับ D สุดท้ายหรือเทคโนโลยีใหม่ๆที่พัฒนามาให้นักการตลาด สามารถวางแผน และบริหารจัดการ วิธีการทำการตลาดในครบเครื่องทุกด้าน

โดยMarketing technology จะมีลักษณะเฉพาะตัวดังนี้
- ส่วนใหญ่ระบบจะเป็น Software as a service และRunอยู่บน Cloud service มากกว่าจะอยู่ On-Premise
- ค่าใช้จ่ายเป็นการจ่ายแบบรายเดือน รายปี และมีโครงสร้างค่าใช้จ่ายหลากหลายรุปแบบ เช่น ราคาแปรผันตามจำนวนUser ราคาแปรผันตามจำนวนรายชื่อลูกค้าที่อยู่ในระบบ ราคาแปรผันตามจำนวนTraffic เป็นต้น
- ใช้เวลาDeploy รวดเร็ว กว่าSoftware ประเภท On-Premise
- การทำงานที่ออกแบบมาแบบพร้อมใช้ ลูกค้าที่อยู่ในระบบ ทุกคนจะเห็น Feature / Functionเหมือนกัน
- เนื่องจาก Martech บางตัวอยู่ในตลาดมายาวนาน ลูกค้าที่มาใช้งานมีหลากหลายประเภทธุรกิจ ทำให้มีการปรับปรุงระบบหรือสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆอยู่ตลอด ทำให้รองรับโจทย์การตลาดเกือบทุกประเภท
- เครื่องมือนี้มักจะบริหารจัดการได้โดยทีมงานด้านการตลาด มีการใช้ Resource งานฝ่าย IT น้อยมาก แต่จำเป็นต้องวางแผนการ deploy, Integration ระยะยาว และสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ด้านการตลาด
อ่านต่อ Marketing technology คืออะไร มีกี่ประเภท
ติดต่อขอรับคำปรึกษาด้าน Marketing และ Technology
- ให้คำปรึกษาตั้งแต่การวาง Technology Roadmap
- การเลือกเครื่องมือที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่สุด
- การวาง Data Foundation ให้รองรับสเกลของธุรกิจ
- การ Implement Platform อย่างมีระบบ
- การทำ Change Management และการติดตามการ Adoption
- ควบคุมการบริหารโครงการด้วยผู้มีประสบการณ์ตรง
- รับจำนวนจำกัดไม่เกิน 2 Projects / เดือน
Email : [email protected]
Reference
Digital business and E-commerce management strategy, implementation and practice
https://campaignme.com/how-5ds-of-digital-marketing-are-reshaping-global-business-sector-today/
https://www.davechaffey.com/digital-marketing-definitions/what-is-digital-marketing/